Customize Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorized as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyze the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customized advertisements based on the pages you visited previously and to analyze the effectiveness of the ad campaigns.

อาหารสุขภาพที่ช่วยผู้หญิงรับมือกับอาการวัยทอง

โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 23 กรกฎาคม 2566
โดย : Admin Besinsthailand วันที่เผยแพร่ : 23 กรกฎาคม 2566
แชร์ข้อมูล
อาหารสุขภาพ

อาหารสุขภาพที่ช่วยผู้หญิงรับมือกับอาการวัยทอง

แม้ว่าปัจจัยเสี่ยง และอาการต่างๆ ซึ่งเกี่ยวข้องกับภาวะวัยทอง และความชรา เป็นสิ่งที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่การรับประทาน อาหารสุขภาพ ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นจะสามารถป้องกันหรือบรรเทาการต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่าง หรือหลังภาวะวัยทองได้เป็นอย่างดี

ในช่วงภาวะวัยทอง ผู้หญิงควรรับประทาน อาหารสุขภาพ ที่หลากหลายเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่ร่างกายต้องการ โดยมีแนวทางปฏิบัติดังนี้

  • ได้รับปริมาณ แคลเซียม ที่เพียงพอ ด้วยการดื่มนมหรือกินอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมให้ได้ 2 – 4 หน่วยบริโภคต่อวัน อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมได้แก่ ปลาที่มีกระดูก (เช่น ปลาซาดีนหรือปลาแซลมอนกระป๋อง) บรอกโคลี  ถั่วต่าง ๆ รวมทั้งพืชผักที่หาได้ตามท้องตลาดไทยอย่าง ใบยอ ใบชะพลู ยอดแค ผักกระเฉด ตำลึง และมะขามอ่อน โดยบริโภคแคลเซียมให้ได้วันละ 1,200 มิลลิกรัม
  • เพิ่มปริมาณ ธาตุเหล็ก ดัวยการรับประทานอาหารที่เต็มไปด้วยธาตุเหล็กอย่างน้อยวันละ 3 หน่วยบริโภค ธาตุเหล็กพบได้ในเนื้อแดงไม่ติดมัน เนื้อไก่ ปลา ไข่ ผักใบเขียว เมล็ดมีเปลือกแข็ง และผลิตภัณฑ์โฮลเกรน โดยสตรีในวัยทองควรบริโภคธาตุเหล็กให้ได้วันละ 8 มิลลิกรัม
  • รับประทาน กากใยให้เพียงพอ อาหารที่มีกากใยสูงได้แก่ ขนมปังโฮลเกรน ซีเรียล พาสตา ข้าว ผลไม้สด และผัก โดยรับประทานให้ได้วันละ 21 กรัม
  • รับประทาน ผักและผลไม้ โดยในแต่ละหนึ่งวัน รับประทานผลไม้ให้ได้อย่างน้อย 1 ½  ถ้วยตวง และผักให้ได้อย่างน้อย 2 ถ้วยตวง
  •  อ่าน ฉลากข้างผลิตภัณฑ์ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจได้ว่าผลิตภัณฑ์นั้นเหมาะกับการมีไลฟสไตล์สุขภาพที่ดีหรือไม่
  • ดื่ม น้ำ มาก ๆ อย่างที่ทราบกันดีว่าคุณควรดื่มน้ำ 8 แก้วต่อวัน คือความจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับร่างกายของผู้ใหญ่ที่ต้องการในแต่ละวัน
  • ควบคุมน้ำหนักที่ดีไว้ ถ้าคุณน้ำหนักเกิน ลองลดขนาดอาหารลง รับประทานอาหารที่มีไขมันสูงน้อยๆ และไม่ควรงดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง ปรึกษานักโภชนาการหรือแพทย์เพื่อช่วยคุณคำนวณน้ำหนักที่ควรมี

อาหารที่ช่วยบรรเทาอาการวัยทอง

อาหารที่มี ถั่วเหลือง เป็นส่วนประกอบ มีสาร ไอโซฟลาโวน (Isoflavone) ซึ่งจะทำปฏิกิริยาคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนอ่อน ๆ เมื่อถูกดูดซึมเข้าไปในร่างกาย ด้วยเหตุนี้ถั่วเหลืองจึงอาจช่วยบรรเทาอาการวัยทอง นอกจากนี้ถั่วเหลืองอาจจะช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอล บรรเทาอาการร้อนวูบวาบ และเหงื่อออกในเวลากลางคืน สารไอโซฟลาโวนพบได้ในอาหารจำพวกเต้าหู้ นมถั่วเหลือง เทมเป้ หรือโปรตีนเกษตร งา น้ำมะพร้าว

อาหารที่ผู้หญิงวัยทองควรหลีกเลี่ยง

ถ้าคุณมีอาการร้อนวูบวาบในช่วงวัยทอง คุณควร หลีกเลี่ยง อาหารที่กระตุ้นให้เกิดอาการดังกล่าว ได้แก่ อาหารที่มีรสเผ็ด คาเฟอีน และเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

อาหารเสริมสำหรับผู้หญิงวัยทอง

เนื่องจากการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนในผู้หญิงวัยทองเชื่อมโยงโดยตรงกับการเร่งของโรคกระดูกเสื่อม อาหารเสริมหรือวิตามินเหล่านี้ เมื่อร่วมรับประทานกับอาหารที่ดีต่อสุขภาพ อาจจะช่วยบรรเทาโรคกระดูกเสื่อมได้

  1. แคลเซียม คุณควรปรึกษาแพทย์ก่อนการกินแคลเซียมเสริม เนื่องจากมีงานวิจัยที่ระบุว่าการกินแคลเซียมเสริม อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจสำหรับผู้ป่วยในบางคน และในงานวิจัยเดียวกันก็ระบุว่าการรับประทานแคลเซียมที่ได้จากอาหารไม่ได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงดังกล่าว
  2. วิตามินดี เนื่องจากร่างกายใช้วิตามินดีในการดูดซึมแคลเซียม ผู้ใหญ่ในวัย 51- 70 ปี ควรได้รับวิตามินดีปริมาณ 600 UI ในแต่ละวัน และ 800 UI สำหรับผู้ใหญ่ในวัยมากกว่า 70 ปี การได้รับวิตามินดีในปริมาณที่มากกว่า 4,000 UI อาจจะเป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากมันอาจทำลายไต และทำให้กระดูกเสื่อมมากกว่าที่จะเสริมให้กระดูกแข็งแรง

ข้อมูลจาก : 

https://www.webmd.com/menopause/guide/staying-healthy-through-good-nuitrition
https://www.gj.mahidol.ac.th/main/ttm/menopause/

บทความที่น่าสนใจ

บทความที่น่าสนใจ